แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กระดูกพรุน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กระดูกพรุน แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)                                                         




โรคกระดูกพรุน หมายถึง ภาวะที่กระดูกมีเนื้อกระดูกลดลง เนื่องจากแร่แคลเซี่ยมในกระดูกลดลง ทำให้กระดูกพรุนทำให้หลังโก่ง และกระดูกหักง่าย

ปกติกระดูกของคนจะมีความแข็งเหมือนหิน หรือเหล็กเพื่อเป็นปกสันหลังให้อวัยวะต่างๆยึดเกาะ กระดูกของคนประกอบไปด้วยโปรตีน collagen ซึ่งสร้างโยงเป็นใย โดยมีเกลือ calcium phosphate เป็นสารที่ทำให้กระดูกแข็งแรง และทนต่อแรงดึงรั้ง เกลือแคลเซี่ยมจะอยู่ในกระดูกร้อยละ 99 และอยู่ในเลือดร้อยละ 1

ปกติกระดูกของคนจะมีการสร้าง และการสลายอยู่ตลอดเวลา ในเด็กจะมีการสร้างมากกว่าการสลาย ทำให้กระดูกของเด็กมีการเจริญเติบโต และแข็งแรง กระดูกจะใหญ่ขึ้นจนกระทั่งอายุ 30 ปี กระดูกจะเริ่มมีการสลายมากกว่าการสร้างทำให้เนื้อกระดูกเริ่มลดลง ในวัยทองระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนมีระดับลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้อัตราการสลายของกระดูกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เนื้อกระดูกลดลงเกิดภาวะกระดูกพรุน

กระดูกพรุนจะเสี่ยงต่อกระดูกหักโดยเฉพาะกระดูกสะโพก กระดูกพรุนมักจะเกิดในหญิงมากกว่าชายด้วยเหตุผล 2 ประการ

  • ความหนาแน่ของมาลกระดูกผู้ชายสูงกว่าผู้หญิง
  • เมื่อเข้าสู่วัยทองระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงอย่างรวดเร็วทำให้เนื้อกระดูกลดลงอย่างรวดเร็ว

กระดูกพรุนคืออะไร

โรคกระดูกพรุน หมายถึง ภาวะที่กระดูกสูญเสียเนื้อกระดูก และโครงสร้างของกระดูกผิดไป ทำให้กระดูกมีความเปราะบาง เกิดการหักได้ง่าย โดยเฉพาะกระดูกข้อสะโพก กระดูกสันหลัง และกระดูกข้อมือ เนื้อกระดูกจะมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นมากกว่าชาย และสามารถป้องกันได้

ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน
หมายถึง ภาวะที่ทำให้เนื้อกระดูกลดลงเร็วกว่าปกติ บางคนมีหลายปัจจัยเสี่ยง แต่บางคนก็ไม่มีปัจจัยเสี่ยง
 
1.ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง

  • เพศหญิงจะมีการเกิดกระดูกพรุนมากและเร็วกว่าผู้ชายเพราะผู้หญิงวัยทองขาด estrogen ทำให้เกิดการละลายของกระดูกมากกว่าปกติ การรับประทานแคลเซี่ยมเป็นประจำช่วยลดอุบัติการณ์ของกระดูกหัก
  • อายุมากเกิดกระดูกพรุนได้มากกว่าอายุน้อย
  • ขนาดของร่างกาย ผู้ที่ผอมและตัวเล็กจะมีกระดูกพรุนได้ง่าย
  • เชื้อชาติ
  • ประวัติครอบครัว ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเรื่องกระดูกพรุนจะเกิดโรคได้ง่าย

2. ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถแก้ไขได้

  • ฮอร์โมนเพศไม่ว่าหญิงหรือชายหากมีฮอร์โมนต่ำก็เกิดกระดูกจางได้
  • เบื่ออาหาร
  • อาหารที่รับประทานมีแคลเซียมต่ำ
  • ใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ เช่น steroid หรือยากันชัก
  • ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย
  • สูบบุหรี่
  • ดื่มสุรา

การประเมินความเสี่ยงว่าจะเป็นโรคกระดูกโปร่งบาง กระดูกพรุนหรือไม่

การประเมินความเสี่ยงคะแนน
สุขภาพเป็นเช่นใด
  • ดี
  • ปานกลางลงมา
0
1
ผิวดำ-1
ประวัติแม่ พี่หรือน้องสาวกระดูกสะโพกหัก1
น้ำหนักลดลงเมื่อเทียบกับตอนอายุ 25 ปี1
สูงกว่า 165 ซม1
เป็นโรคสมองเสื่อม1
ได้รับยา steroid1
ได้รับยากันชัก1
ได้รับยากลุ่ม benzodiazepam เช่น valium1
ไม่ได้ออกกำลังกาย1
ต้องใช้แขนช่วยเวลาลุกจากเก้าอี้1
มีกระดูกหักเมื่ออายุมากกว่า 50ปี1
อายุมากกว่า 80 ปี1
วัยทองและไม่ได้รับฮอร์โมนทดแทน1
ยืนน้อยกว่าวันละ 4 ชั่วโมง1
หัวใจเต้นเกิน 80 ครั้งเวลานั่งเฉยๆ1
รวมคะแนน 
  คะแนน 0-2   ความเสี่ยงต่อกระดูกพรุนต่ำ
คะแนน 3-4  ความเสี่ยงต่อกระดูกพรุนปานกลาง
คะแนนมากกว่า 5  ความเสี่ยงต่อกระดูกพรุนสูง


การรักษาโรคกระดูกพรุน

ปัจจุบันแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคกระดูกพรุนก่อนที่จะเกิดอาการ โดยการตรวจความเข็ม หรือความหนาแน่นของกระดูก Bone mineral density หรือ BMD การตรวจนี้ใช้แสงเอกซ์เรย์ปริมาณน้อยมากส่องตามจุดที่ต้องการ แล้วใช้คอมพิวเตอร์คำนวณหาความหนาแน่นของกระดูก เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐาน โดยการเปรียบเทียบกับมวลกระดูกของผู้หญิงอายุ 25 ปี หากมวลกระดูกคุณน้อยกว่า 2.5 เท่า standard deviation ของผู้หญิงอายุ 25 ปี แสดงว่าคุณเป็นโรคกระดูกพรุน osteoporosis หากเนื้อกระดูกคุณน้อยกว่าปกติแต่ไม่ถึง 2.5 เท่า standard deviation คุณเป็นคนที่เนื้อกระดูกน้อยกว่าปกติ Osteopenia ต้องมีการออกกำลังเพื่อสร้างมวลกระดูก และมียาหลายชนิดที่ใช้รักษาโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะเพศหญิงวัยทอง

  • Estrogen ต้องให้ร่วมกับยา Progestin ซึ่งจะพิจารณาให้ในรายที่ตัดรังไข่ก่อนอายุ 50 ปี หรือผู้ที่หมดประจำเดือนอายุน้อย หรือประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน หรือผู้ที่มีมวลกระดูกต่ำกว่าเกณฑ์
  • Raloxifene เป็นยาในกลุ่มฮอร์โมนเอสโตรเจน สามารถเพิ่มระดับความแข็งของกระดูกได้ครึ่งหนึ่งของการใช้ฮอร์โมนทดแทน
  • Alendronate ยานี้ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการสลายของกระดูก ควรรับประทานยานี้ขณะท้องว่าง และดื่มน้ำตาม และให้อยู่ในท่ายืน 30 นาที ยานี้อาจจะทำให้เกิออาการจุกเสียดท้องและหน้าอก ผู้ที่มีโรคไตควรปรึกษาแพทย์
  • Calcitonin เป็นฮอร์โมนใต้สมอง ได้จากการสกัดต่อมใต้สมองจากปลาทูน่า ใช้พ่นจมูก ยาตัวนี้ผลข้างเคียงต่ำ
  • Tamoxifen ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ที่ estrogen receptor กับบางอวัยวะเท่านั้น คือยากลุ่มนี้มีความจำเพาะสูงกว่าเอสโตรเจน ยากลุ่มนี้สามารถเพิ่มมวลกระดูก และลดอาการร้อนตามตัว
การป้องกันโรคกระดูกพรุน

การป้องกันที่ดีที่สุดต้องสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรงตั้งแต่อายุน้อยกว่า 30 ปี หลายวิธีที่ป้องกันโรคกระดูกพรุน เช่น การรับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง โดยเฉพาะในวัยเด็ก หญิงมีครรภ์ หญิงที่กำลังให้นมบุตร ชายและหญิงวัยทอง อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซี่ยมได้แก่ นม นมพร่องมันเนย ผักใบเขียว ปลา กระดุด ถั่ว น้ำส้ม วัยทองควรจะได้รับแคลเซี่ยมอย่างน้อยวันละ 1500 มก ต่อวัน สำหรับวัยทองที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนควรจะได้รับแคลเซี่ยมวันละ 1000 มก ต่อวัน หากรับประทานวันละ 600 มก ต่อวันจะดูดซึมได้ดี เมื่อรับประทานแคลเซี่ยมจะต้องดื่มน้ำมากๆเพราะแคลเซี่ยมจะทำให้ท้องผูก ในวัยทองควรจะได้รับวิตามิน ดีเสริมวันละ 400 ยูนิตต่อวันเพื่อเพิ่มการดูดซึมของแคลเซี่ยม
แหล่งอาหารที่มีแคลเซี่ยม

ปริมาณแคลเซี่ยมในอาหาร
    ชนิดของอาหารปริมาณที่บริโภคแคลเซียม(มก.)
    นมสด รสจืด200 (1 กล่อง)230-292
    ปลาช้อนทะเลแห้งทอดครึ่งถ้วยตวง329
    กุ้งแห้งตัวเล็ก 1ช้อนโต๊ะ138
    เต้าหู้เขาอ่อน 1 ก้อน290
    คะน้าผัดครึ่งถ้วยตวง105
    ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับในแต่ละวัน (mg/day)
    แรกคลอด-6 เดือน400
    6 เดือน-1 ปี600
    1-10 ปี800-1200
    11-241200-1500
    25-501000
    51-641000-1500
    มากกว่า65มากกว่า 1500
    คนท้อง1200-1500

  1. วิตามินดี ปกติคนเราสามารถสังเคราะห์วิตามิน ดีได้จากแสงอาทิตย์ แต่คนสูงอายุ หรือผู้ที่อยู่แต่ในบ้านจะขาดวิตามิน ดี วิตามิน ดี จะช่วยให้ลำไส้มีการดูดซึมแคลเซียม วันหนึ่งควรได้วิตามิน ดี 400-800 IU ให้ถูกแสงบริเวณมือ แขน ใบหน้าครั้งละ 10-15 นาทีสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอที่จะสร้างวิตามินดี การทาครีมกันแดดจะลดการสร้างวิตามินดี
  2. การออกกำลังกาย การออกกำลังกายจะทำให้กระดูกแข็งแรง เช่น การเดิน การเดินขึ้นบันได กระโดดเชือก ยกน้ำหนัก การเต้นรำ ลองเริ่มต้นการออกกำลังกายวันละ 30 นาทีสัปดาห์ละ 3-5 วันซึ่งนอกจากจะทำให้กระดูกแข็งแรงยังทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและป้องกันการหกล้ม การออกกำลังที่จะทำให้กระดูกแข็งแรงคือ การออกกำลังชนิด weight bearing คือใช้น้ำหนักตัวเองช่วยในการออกกำลังกาย เช่น การเดิน การวิ่ง การขึ้นบันได การเต้นรำ การว่ายน้ำและการขี่จักรยานไม่จัดในการออกกำลังกายกลุ่มนี้ อีกชนิดหนึ่งคือการยกน้ำหนักเพื่อทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง
  3. การสูบบุหรี่จะทำให้ฮอร์โมน estrogen ต่ำเป็นผลทำให้กระดูกจาง
  4. การดื่มสุรา วันละ 120-180 มิลิเมตรจะทำให้กระดูกจางและหักง่าย
  5. หลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเพราะจะทำให้เกิดกระดูกพรุน
  6. ยาบางชนิดหากรับประทานต่อเนื่องจะทำให้กระดูกจาง เช่น steroid phenyltoin [dilantin} barbiturate ,antacid ,thyroid HORMONE
  7. ยาป้องกันกระดูกจาง
  8. ไม่ควรดื่มชาหรือกาแฟมากกว่า 2 แก้วเพราะสาร caffeein จะเร่งการขับแคลเซียม
  9. การวัดความหนาแน่นของกระดูก
ข้อแนะนำเพิ่มเติม

Comment

เรื่องเล่าโพสเมื่อ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Popular Posts

Contact Us

ถ้าข้อความใดไม่ถูกต้องแจ้งได้ที่
Mail : mbkrattanakorn@gmail.com