วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559



โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาคืออะไร?
     โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดเฉียบพลันรุนแรงเกิดจากเชื้อไวรัสอีโบลา(Ebola virus) ประกอบด้วย 5 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ไอวอรีโคสต์ สายพันธุ์ซูดาน สายพันธุ์ซาร์อี สายพันธุ์เรสตัน (Reston) และสายพันธุ์ Bundibugyo โดยสายพันธุ์ซูดาน สายพันธุ์ซาร์อี และสายพันธุ์ Bundibugyo ทำให้เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาและทำให้มีอัตราป่วยตายประมาณร้อยละ60-90ในขณะที่สายพันธ์ไอวอรีโคสต์และสายพันธุ์เรสตัน (Reston) มักไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงและยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตจากสายพันธุ์เรสตัน 
โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ติดต่อได้อย่างไร?
     การติดต่อจากคนสู่คน เกิดจากการสัมผัสตรงกับ เลือดที่ติดเชื้อสารคัดหลั่ง เช่น นํ้ามูก นํ้าลาย ปัสสาวะ อุจจาระ อวัยวะ หรือนํ้าอสุจิ นอกจากนี้ การติดเชื้อในโรงพยาบาล ก็พบได้บ่อยผ่านทางเข็มและหลอดฉีดยาที่ปนเปื้อนเชื้อ และยังพบการแพร่กระจายเชื้ออีโบลา ในพิธีศพได้บ่อย เนื่องจากผู้มาร่วมพิธีศพอาจมีการสัมผัส โดยตรงกับร่างกายของผู้เสียชีวิต
     สำหรับการติดต่อของเชื้อไวรัสอีโบลาสู่คนเกิดจาก การสัมผัสโดยตรงกับเลือดหรือเครื่องในของสัตว์ป่าที่ติดเชื้อ หรือเกิดขณะจัดการหรือชำแหละสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ตาย โดยยังไม่พบรายงานจากการติดเชื้อผ่านทาง ละอองฝอยที่ลอยในอากาศ
โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา มีอาการอย่างไร?
     โรคอีโบลาเป็นโรคเฉียบพลันรุนแรงจากเชื้อไวรัส โดยมากมักจะแสดงออกเป็นไข้เฉียบพลัน อ่อนเพลียมาก ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะและเจ็บคอ ตามด้วยอาการ อาเจียน ท้องเสีย ผื่นผิวหนัง ไตและตับทำงานบกพร่อง และในบางรายจะพบการตกเลือดทั้งภายในและภายนอก และเสียชีวิตจะยังอยู่ในระยะติดต่อ คือ ยังสามารถแพร่เชื้อได้ตราบเท่าที่เลือดและสิ่งคัดหลั่งของตนยังมีเชื้อไวรัส ระยะฟักตัวของโรค ซึ่งหมายถึงระยะเวลานับจากการเริ่มติดเชื้อไวรัส จนถึงเมื่อเริ่มแสดงอาการ ได้แก่ 2 ถึง 21 วัน
ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำ แต่ เนื่องจากการคมนาคมขนส่งระหว่างทวีปที่สะดวกสบายมากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีมาตราการเฝ้าระวังและป้องกันที่เข้มงวด” 
  1. วัคซีนและยารักษา
  2. ​   ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคอีโบลา และยารักษาจำเพาะ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยผู้ป่วยที่อาการรุนแรงจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาแบบประคับประคองอย่างเข้มงวด ผู้ป่วยมักจะมีอาการขาดนํ้าบ่อยๆ จึงจำเป็นต้องได้สารละลายเกลือแร่เพื่อแก้ไขอาการขาดนํ้าโดยอาจให้ทางปาก หรือทางเส้นเลือด
คำแนะนำสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข
• ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังบริเวณด่านชายแดนหรือ จุดผ่านแดนระหว่างประเทศที่อาจมีผู้เดินทางมาจากประเทศที่เกิดการระบาด และมีอาการสงสัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ได้แก่ มีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว
• ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องการป้องกันควบคุมโรคแก่ประชาชน ได้แก่ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าหลีกเลี่ยงการการรับประทานสัตว์ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสัตว์จำพวกลิง หรือค้างคาว การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่งเช่น เลือด จากผู้ป่วยหรือศพ
คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป
  1. 1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าที่นำเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจโรคทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย
  2. 2. หลีกเลี่ยงการรับประทานสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสัตว์จำพวกลิง หรือค้างคาว หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกๆ มาประกอบอาหาร
  3. 3. หมั่นล้างมือ ด้วยนํ้าและสบู่ให้สะอาด
  4. 4. ติดตามข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้รู้สถานการณ์ และมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
  5.  
คำแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ
  1. 1. หลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทางไปในประเทศที่มีการระบาด 5ประเทศ ได้แก่ กินี ไลบีเรีย เซียร์ร่าเลโอน ไนจีเรีย และเซเนกัล
  2. 2. ติดตามข้อมูลข่าวสารที่เป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุข
  3. 3. หากจำเป็นต้องเดินทางไปประเทศที่มีการระบาด ต้อง
  • • หมั่นล้างมือ ด้วยนํ้าและสบู่ให้สะอาด
  • • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย หรือสัมผัสผู้ป่วยรวมเสื้อผ้า เครื่องใช้ของผู้ป่วย
  • • หากมีอาการป่วย เช่น ไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศรีษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว รีบพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินทาง
  1.  
  2. คำแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางไปประเทศที่มีการระบาด
  1. 1. ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ป่าทุกชนิด
  2. 2. ไม่สัมผัสสัตว์ป่าทุกชนิด โดยเฉพาะสัตว์จำพวก ลิง หรือค้างคาว
  3. 3. ไม่ล้วงแคะแกะเกาจมูก และขยี้ตา ด้วยมือที่ยังไม่ได้ล้างให้สะอาด
  4. 4. ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่นอนหรือคู่รัก
  5. 5. ไม่ซื้อยากินเอง เวลาเจ็บป่วยด้วยอาการไข้

Comment

เรื่องเล่าโพสเมื่อ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Popular Posts

Contact Us

ถ้าข้อความใดไม่ถูกต้องแจ้งได้ที่
Mail : mbkrattanakorn@gmail.com