แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 09 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 09 แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559






ขอเชิญอ่านหนังสือ คำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในรูปแบบ e-book และดาวน์โหลดในรูปแบบ PDF
หรือ

เป็นเอกสารที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมเผยแพร่ให้อ่านฟรี ห้ามขายนะ!!


เสียงสะอื้นกลืนเศร้าเคร้าลมโศก
พาพัดโบกนทีลั่นเกลียวปั่นป่วน
ทั่วหล้าน้ำตาหลั่งดั่งหยาดโลหิต
อาลัยจิตองค์พ่อหลวงสู่คาลัย

ขอน้อมส่งเสร็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิรา บรมนาถบพิตร
เสด็จสู่สวรรคาลัย

ข้าบาทจะขอเป้นข้ารองบาททุกชาติไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า Secrets of Life Game

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559


ในวันถัดมา โหย่วเสี่ยวม้อเดินตามเหล่าศิษย์พี่ มีที่ห้องโถงของเรือนเพาะสมุนไพรวิญญาณ
เรือนเพาะสมุนไพรวิญญาณเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมากที่สุดในตำหนักเตาเฟิง ที่ซึ่งลูกศิษย์เท่าคนต้องมาเป็นประจำทุกวัน
ศิษย์พี่หลี่รับผิดชอบในการพาพวกเราชม แต่เพราะเขาได้รับมอบหมายงานอื่นที่ต้องทำ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาที่จะมาสอนพวกเรา มันช่างบังเอิญที่ศิษย์พี่ใหญ่กำลังว่างงาน ดังนั้นศิษย์พี่ใหญ่เสนอตัวเป็นคนดูแลพวกเราแทน

"เนื่องจากนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเจ้าทั้งหมดได้พบกับสิ่งเหล่านี้ ข้าจะยังไม่พูดเรื่องที่มันซับซ้อน ขอเริ่มต้นจากพื้นฐานก่อนเลยละกัน สิ่งที่อยู่ด้านหน้าพวกเจ้าเรียกว่า สมุนไพรวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการปรุงโอสถทิพย์ เข้ามาดูใกล้ๆ"

ในขณะที่พูดฟางเฉินเล่อก็นำกระถางสมุนไพรที่อยู่ด้านหลังเขาออกมาวางที่ด้านหน้าพวกเราทีละกระถาง
โหย่วเสี่ยวม้ออยากรู้อยากเห็นเหมือนคนอื่นๆ พยายามจ้องมองไปที่สมุนไพรวิญญาณในกระถางใบเล็กนี้ 
สมุนไพรวิญญาณเป็นชื่อเรียกโดยทั้วไปของวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถวิญญาณ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของวัตถุดิบโอสถวิญญาณที่จะมาจากสมุนไพร ยกตัวอย่างเช่น กระถางที่สองจากทางซ้ายมือ คือ สมุนไพรวิญญาณระดับ1 ดอกนิ๋งเฉิน

จากนั้นฟางเฉินเล่อก็อธิบายให้พวกเขารู้จักกับระดับของสมุนไพรวิญญาณ
คล้ายกับเหล่าตานซือ สมุนไพรวิญญาณก็มีการจัดเป็นหมวดหมู่ตามระดับ  จากระดับ1-12 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของสมุนไพรวิญญาณ ยิ่งระดับสูงก็จะสามารถปรุงโอสถทิพย์ได้ระดับสูงเช่นกัน แต่ก็ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับระดับของตานซือเช่นกัน
ตานซือระดับต่ำจะสามารถปรุงโอสถทิพย์ในระดับหนึ่งถึงสามได้
ตานซือระดับกลางจะสามารถปรุงโอสถทิพย์ในระดับหนึ่งถึงหกได้
และสำหรับตานซือระดับสูง พวกเขาคือกลุ่มคนที่น่าอิจฉาที่สุดในแผ่นดินหลงเซียง นอกจากนี้ยังไปกลุ่มที่สร้างกำไรได้มากที่สุด เพราะพวกเขาสามารถปรุงโอสถทิพย์ในระดับหนึ่งถึงสิบได้ แต่การปรุงโอสถทิพย์ระดับสูงนั้นอัตราความสำเร็จจะลดลง ยิ่งสูงมากโอกาสที่จะสำเร็จยิ่งน้อย 
ตัวอย่างเช่น การปรุงโอสถทิพย์ระดับเก้าและระดับสิบ แม้แต่ตานซือระดับสูงที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมานาน พวกเขายังไม่สามารถรับประกันได้ว่าการปรุงโอสถจะประสบความสำเร็จถึงร้อยละสิบหรือไม่ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงบรรดาสมุนไพรวิญญาณที่เป็นส่วนประกอบของโอสถทิพย์ที่หาได้ยากยิ่ง

ที่เหนือกว่านั้นยังมีโอสถทิพย์ระดับสิบเอ็ดและระดับสิบสองสมุนไพรวิญญาณ ซึ่งของทั้งสองสิ่งนี้ถือเป็นของในระดับตำนาน
มันเป็นเรื่องเล่าขานกันมานานว่า มีเพียงตานซือที่มีจิตวิญญาณเจ็ดสีในตำนานที่จะสามารถปรุงโอสถทิพย์ทั้งสองออกมาได้ อย่างไรก็แล้วแต่พวกเขายังไม่เคยพบตานซือคนใดที่จะมีจิตวิญญาณถึงเจ็ดสีในแผ่นดินหลงเซียงตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านไปนั้น มันยังคงเป็นเพียงเรื่องเล่าขานและตำนานที่ยังคงอยู่เท่านั้น
แต่ถึงแม้ตำนานจะกลายเป็นจริง แต่การค้นหาสมุนไพรวิญญาณระดับสิบเอ็ดและสิบสองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

เรื่องเล่านี้โหย่วเสี่ยวม้อเคยอ่านผ่านตามาแล้วทั้งหมดในคัมภีร์ที่เขายืมมา ถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคงตั้งใจฟังศิษย์พี่ใหญ่อธิบายอย่างรอบครอบ เพื่อจะได้รวบรวมข้อมูลให้มากขึ้น และยังเกิดประโยชน์สำหรับตัวเขาเองด้วย
ฟางเฉินเล่อสังเกตุพฤติกรรมของศิษย์น้องเล็กอย่างละเอียด ผงกหัวอย่างพอใจ 
แม้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นข้อมูลพื้นฐาน สามารถค้นหาได้ง่ายในคัมภีร์ เพราะเหตุนี้ เมื่อเขาถ่ายทอดไปยังศิษย์ใหม่ทั้งหลาย จึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง ดังนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะพบกับการอดทนฟังอย่างตั้งใจและจริงจังของศิษย์น้องเล็ก ฟางเฉินเล่อจึงอดที่จะสนใจในตัวเขาไม่ได้

"สำหรับตอนนี้ ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าทำความคุ้นเคยสมุนไพรวิญญาณระดับ1 แล้วอีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง ข้าจะกลับมาอธิบายสิ่งสำคัญเกี่ยวกับเหล่าตานซือ" 
จากนั้นฟางเฉินเล่อก็ปล่อยให้บรรดาศิษย์แยกย้ายไปสำรวจ 
โหย่วเสี่ยวม้อเห็นเหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายรีบเข้าไปสำรวจสมุนไพรวิญญาณ ก็ส่งเสียงเรียกให้ฟางเฉินเล่อหยุดก่อน 
ฟางเฉินเล่อได้ยินเสียงที่นุ่มหูและไพเราะมาจากด้านหลังของเขา จึงหันหลังกลับเขาได้พบกับศิษย์น้องเล็กที่ตั้งใจอย่างจริงจัง ดวงตาทั้งสองสีดำสนิทกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างคาดหวังอย่างกับลูกหมารออาหาร อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำเล็กน้อย

"ศิษย์น้องเสี่ยวม้อ มีอะไรให้ช่วยข้าไหม?" 

โหย่วเสี่ยวม้อไม่ได้คาดหวังว่าศิษย์พี่ใหญ่จะจำชื่อของเขาได้ จึงหลบตาอย่างอายๆ แล้วกล่าวว่า "ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าอยากไปดูเรือนเพาะชำสมุนไพรสักครั้ง ไม่ทราบว่า?"

ฟางเฉินเล่อชะงักไปสักครู่ จ้องมองโหย่วเสี่ยวม้ออย่างพินิจ ในที่สุดเค้าก็พยักหน้า "แน่นอนว่าเจ้าสามารถไปได้ แต่เดิมข้ากังวลว่าข้อมูลที่ข้าบอกไปในวันนี้จะมากเกินจนอาจจะกลายเป็นภาระที่หนักเกินสำหรับพวกเจ้า แต่เนื่องจากเป็นคำขอของเจ้าเองก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ตอนนี้เจ้าสามารถเข้าไปได้แค่เรือนเพาะชำสมุนไพรระดับ1 เท่านั้น"

"ขอบคุณขอรับ ศิษย์พี่ใหญ่" โหย่วเสี่ยวม้อรีบกล่าวขอบคุณอย่างดีใจ

ฟางเฉินเล่อยิ้มและบอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ และนำทางเขาไปที่นั้น 

เรือนเพาะชำสมุนไพรหลักเป็นที่ที่สำคัญที่สุดในสำนักเทียนซิน. หากสำนักใดต้องการวางแผนการขยายสำนักในระยะยาวจำเป็นจะต้องมีเรือนเพาะชำเป็นของสำนักเอง ดังนั้นเรือนเพาะชำสมุนไพรจึงเป็นเขตหวงห้าม ยกเว้นจะได้รับอนุญาตโดยตรงจากท่านประมุข มิฉะนั้นผู้ที่สามารถเข้าออกได้มีเพียงเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายของสำนักที่ทำหน้าที่ดูแลเรือนเพาะชำสมุนไพรเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปภายในได้
แต่เรือนเพาะชำสมุนไพรหลักจะปลูกเพียงสมุนไพรวิญญาณที่เหนือกว่าระดับห้าขึ้นไป ดังนั้นศิษย์ในสำนักจะสามารถเข้าไปด้านได้แค่สวนสมุนไพรที่สมุนไพรวิญญาณระดับห้าลงมาเท่านั้น

ตำหนักหลักทั้งสามของฝ่ายตานซือเองก็จะมีเรือนเพาะชำให้ 5 เรือนต่อตำหนัก เพื่อไว้สำหรับเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณระดับ1 ถึง 5 โดยหนึ่งเรือนสำหรับหนึ่งระดับ

สำหรับโหย่วเสี่ยวม้อที่เป็นแค่ศิษย์ลับรุ่นใหม่ ดังนั้นเขาจึงได้รับอนุญาตให้เข้าได้แค่สวนสมุนไพรวิญญาณระดับ1

Comment

เรื่องเล่าโพสเมื่อ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Popular Posts

Contact Us

ถ้าข้อความใดไม่ถูกต้องแจ้งได้ที่
Mail : mbkrattanakorn@gmail.com