แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 10 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 10 แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559




              ฟางเฉินเล่อเดินนำเขามายังเรือนสมุนไพร และได้แจ้งให้ศิษย์ที่เป็นยามเฝ้าประตูทราบก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้เขายืนอยู่เพียงลำพัง 
              เนื่องจากทราบว่าโหย่วเสี่ยวม้อถูกพามาที่นี้โดยศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ที่เป็นยามจึงไม่ได้กล่าวอะไรมาก ไม่ทำให้เขารู้สึกอัดอีด เพียงแค่แนะนำหลายจุดสำคัญทั้งหลายและข้อห้ามต่างๆ ที่สำคัญให้ทราบก่อนจะปล่อยให้เขาเข้าไปด้านใน

              เรือนสมุนไพรระดับ1 มีขนาดใหญ่มากนั้น เป็นเพราะเป็นสมุนไพรที่เหล่าศิษย์ส่วนใหญ่มีความต้องการ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเตรียมให้พร้อมไว้ก่อนล่วงหน้า 
              เมื่อเข้ามาภายในเรือน โหย่วเสี่ยวม้อได้เห็นพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ไพศาลที่เต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณที่โบกพริ้วไหวไปกับสายลม
              โดยสมุนไพรวิญญาณที่พบส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกหญ้า ที่เขาเคยอ่านในบันทึกคือหญ้าตี่ต้า ที่ลำต้นและใบจะมีสีเขียว ด้านบนดอกจะมีแต้มจุดสีม่วงขนาดเล็กประดับอยู่ สมุนไพรวิญญาณประเภทนี้มีประสิทธิภาพมากเหมาะสำหรับการรักษาอาการบาดเจ็บภายนอก แต่โดยทั่วไปแล้วพวกตานซือส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้ปรุงโอสถวิญญาณไว้รักษาอาการบาดแผล 
              สำหรับผู้ฝีกตนแล้ว อาการบาดเจ็บภายนอกเป็นเรื่องเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาจึ่งไม่นิยมปรุงโอสถวิญญาณเพียงเพื่อที่จะรักษาอาการบาดเจ็บภายนอก
               อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ฝึกตนที่เป็นหญิง ไม่ได้คิดเช่นนั้น อย่างที่ทุกคนทราบรักสวยรักงามเป็นส่วนหนึ่งโดยธรรมชาติของสตรีทุกคนอยู่แล้ว
              ด้านข้างของหญ้าตี่ต้าทั้งสองด้านมีต่งหลิงเช่าและดอกนิ๋งเฉิน ซึ่งเป็นสมุนไพรวิญญาณที่มักจะถูกนำมาปรุงโอสถวิญญาณระดับ 1 บ่อยที่สุด ดังนั้นจึ่งมีการปลูกเป็นจำนวนมาก

              โหย่วเสี่ยวม้อนั่งยองๆ ที่ด้านหน้าดอกนิ๋งเฉินพร้อมกับจ้องดูอย่างละเอียด เพราะไม่แน่ใจเขาอาจเห็นภาพลวงตาอยู่
              เขามักจะรู้สึกว่าดอกนิ๋งเฉินที่อยู่ด้านมือซ้ายของเขาค่อนข้างไม่มีจิตวิญญาณ ในขณะที่ดอกนิ๋งเฉินทางขวามือดูจะเบ่งบานอย่างงดงามมากแถมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ ลำต้นและใบของต้นด้านขวาดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีขาวเป็นชั้นบางๆ ซึ่งเขาก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร
              กวาดตามองดอกนิ๋งเฉินที่อยู่รอบๆ โดยส่วนใหญ่ไม่ได้มีสภาพสวยงามมากนัก 
              ที่สำคัญที่สุดคือ สมุนไพรชนิดอื่นที่อยู่รอบๆ ดอกนิ๋งเฉิน ก็ไม่มีหมอกสีขาวห่อหุ้มบริเวณลำต้นและผิวใบ โหย่วเสี่ยวม้อมองดูด้วยความสับสน ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เพราะเขาไม่สามารถตรวจสอบสิ่งที่เขาเห็นได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ เขาจึ่งย้ายไปยังบริเวณอื่นแทน

              โดยไม่คาดคิด เขาก็ค้นพบสมุนไพรจิตวิญญาณที่มีลักษณะคล้ายกันอีก 5 ต้นในเรือนเพาะสมุนไพรต่งหลิงเช่า คงไม่มีข้อยกเว้นที่ว่าสมุนไพรที่มีหมอกสีขาวห่อหุ้มจะเติบโตเบ่งบานได้สดสวยและยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ ดูมีชีวิตชีวามาก
              น่าเสียดายที่โหย่วเสี่ยวม้อไม่ได้มีความเข้าอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสมุนไพรวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบว่ามันมีสามารถทำอะไรได้บ้าง
              แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนโง่งมสักทีเดียว ดังนั้นเขาสามารถคาดเดาได้รางๆ ว่าสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายเหล่านั้นล้วนแต่เป็นต้นที่มีคุณภาพดีที่สุด ต่อจากนั้นโหย่วเสี่ยวม้อก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไปทันที

              แม้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ได้นัดพวกเขาให้ร่วมกลุ่มกันอีกครั้งภายหลังจากที่แยกกันได้หนึ่งชั่วยาม อย่างไรก็ตามโหย่วเสี่ยวม้อได้ลืมเรื่องนั้นไปแล้ว เพราะเขามั่วแต่สนใจที่จะสังเกตและตรวจสอบสมุนไพรวิญญาณ
              รอจนเขารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาหันไปพบว่าศิษย์พี่ใหญ่จะยืนอยู่ข้างหลังเขาและยิ้มเล็กน้อย
              โหย่วเสี่ยวม้อรู้สึกประหลาดใจเพียงครู่ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าถึงตระหนักว่าถึงเวลานัดหมายแล้ว จึ่งรีบกล่าวขอโทษ "ข้าขออภัยศิษย์พี่ใหญ่ ที่ขะ..ข้าลืมเรื่องเวลานัด"

              ฟางเฉินเล่อไม่ได้กล่าวตำหนิเขา เพียงแต่ยิ้มให้เล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "หาได้ยากยิ่งนักที่จะได้พบศิษย์น้องรุ่นใหม่ที่จริงจังมากแบบนี้ ศิษย์พี่ใหญ่รู้สึกยินดีมาก โชคดีที่ครั้งนี้เป็นเพียงบทเรียนพื้นฐาน มีเนื้อหาไม่มากนัก ข้ายินดีที่จะพูดให้เจ้าฟังอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งหน้าเจ้าควรไปให้ตรงเวลา" 

              โหย่วเสี่ยวม้อรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาได้แต่กล่าวเพียง "ขอบคุณขอรับ ศิษย์พี่ใหญ่" เท่านั้น

              พวกเขาเดินกลับมายังเรือนเพาะสมุนไพรวิญญาณ ฟางเฉินเล่อก็ทำการสอนบทเรียนให้เขาเพียงลำพังอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ เขาได้สอนเรื่องพื้นฐานของสมุนไพรวิญญาณ ในครั้งนี้เขาจะสอนเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันคือ พื้นฐานการเป็นตานซือ
              เหล่าผู้ฝึกยุทธ์และตานซือในแผ่นดินหลงเซียงเมื่อเทียบกับคนธรรมดาทั่วไปคือ 1 ใน 100  อย่างไรก็ตามจำนวนประชาชนของแผ่นดินหลงเซียง มีมากเป็นล้านล้านคน ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาเรื่องการขาดแคลนจำนวนของตานซือ แต่ปัญหาการขาดแคลนที่แท้จริงอยู่ที่จำนวนของตานซือระดับสูงนั้นมีน้อยยิ่งนัก 
              ตานซือระดับกลางไปจนถึงตานซือระดับสูงนั้นมีช่องว่างอยู่ เหล่าตานซือระดับกลางจำนวนมากที่ทั้งหลายไม่มีความสามารถก้าวข้ามไปผ่านไปได้
              ทั้งนี้เกี่ยวเนื่องกับพรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิดและสีของจิตวิญญาณที่มีมาตั้งแต่ต้นของเหล่าตานซือมาเกี่ยวข้องด้วย ระดับของจิตวิญญาณจะสามารถกำหนดเส้นทางในอนาคตของเหล่าตานซือได้ แต่จิตวิญญาณระดับสูงนั้นจะปรากฎเป็นจำนวนน้อย จึงหายากมาก ยกตัวอย่างเช่น โหย่วเสี่ยวม้อและเหล่าศิษย์ร่วมสำนักเทียนซินรุ่นเดียวกัน ที่พวกเขาทั้งหมดนับสิบคนมาจากถิ่นเดียวกัน แต่มีเพียงเจียงหลิวเท่านั้นที่มีจิตวิญญาณสีฟ้า 
              อย่างไรก็ตามผู้ที่มีพรสวรรค์ต่ำไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่สามารถโผล่หัวขึ้นมาอยู่ในอันดับสูงได้ 
              ในทุกอย่างต่างก็มีข้อยกเว้นเป็นพิเศษภายในตัวเองเสมอ ก็คือเหล่าผู้คนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษหรือเหนือกว่าผู้อื่น ดังนั้นแม้แต่เหล่าตานซือระดับต่ำ ก็ยังมีสิ่งที่จะทำให้ตนเองประสบความสำเร็จอยู่ในตัว

              "ศิษย์พี่ใหญ่ เหล่าตานซือระดับต่ำสามารถปรุงได้เพียงโอสถวิญญาณระดับต่ำกว่าเท่านั้น แต่เหล่าตานซือระดับต่ำจำนวนมากก็สามารถปรุงโอสถวิญญาณในระดับเดียวกันได้ เฉพาะโอสถวิญญาณระดับสูงเท่านั้นที่หายากจึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มีราคาแพง นี้จะสามารถเรียกได้อย่างไรว่าประสบความสำเร็จแล้ว?" โหย่วเสี่ยวม้อถามด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ

              ใบหน้าของฟางเฉินเล่อปรากฎรอยยิ้มถึงนัยน์ตาแล้ว ราวกับได้คาดไว้แล้วว่าเขาจะมีคำถามเช่นนี้ "ศิษย์น้องเล็กจำเป็นต้องทราบว่า ทำไมทุกๆ สิ่งล้วนแต่มีจุดเด่นจุดด้อยในตนเองทั้งนั้น" 

              โหย่วเสี่ยวม้อฟังแล้วก็ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดก็ประกายสว่างวาบในสมอง "หรือว่าปัญหาจะอยู่ที่คุณภาพของโอสถวิญญาณงั้นหรือ?" 

              "ถูกต้องแล้ว เจ้าสามารถคิดได้เร็วขนาดนี้ ดูเหมือนว่าศิษย์น้องจะฉลาดไม่น้อย" 

              ฟางเฉินเล่อพยักหน้าด้วยความพอใจ ที่เขาชื่นชมศิษย์น้องเล็กเพราะก่อนหน้านี้เขาได้ถามศิษย์รุ่นใหม่คนอื่นๆ เช่นกัน แต่พวกเขาไม่สามารถตอบได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ 

              โหย่วเสี่ยวม้อก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความอาย ใบหูบางส่วนกลายเป็นสีแดง แม้เขาจะไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธคำชมเหล่านั้น
              หลังจากคิดได้สักพัก เขาไม่กล้าที่จะบอกกว่าตนเองมาจากยุคอนาคตเช่นนั้นแล้วเขาจึงเข้าใจถึงความสำคัญของปัญหานี้ เพราะในยุคนั้นสินค้าถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นปัญหาเรื่องคุณภาพคือสิ่งที่ทุกคนต้องคำนึงถึงเป็นหลัก บางคนก็กังวลว่าจะซื้อของปลอมจึงต้องดำเนินการตรวจสอบและศึกษาสินค้าชินนั้นอย่างละเอียด เช่นคนแบบเขาเอง!
              
              "คุณภาพของโอสถวิญญาณจะดีหรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับสภาพสมุนไพรวิญญาณ ถ้าเจ้าใช้สมุนไพรวิญญาณที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างดีในตอนปลูกแล้ว เมื่อนำไปปรุงเป็นโอสถวิญญาณแล้วคุณภาพของโอสถนั้นก็จะลดลงไปเป็นอย่างมาก ดังนั้นการรซื้อขายโอสถวิญญาณจึงมีการแบ่งย่อยออกอีกสามระดับคือ โอสถวิญญาณระดับด้อย ระดับกลาง และระดับสุดยอด ซึ่งระดับสุดยอดเท่านั้นถึงจะถือว่ามีคุณภาพดีที่สุด"

              "เป็นเช่นนั้นนี้เอง" โหย่วเสี่ยวม้อรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างปรากฎวาบขึ้นมาในจินตนาการของเขา แต่เมื่อเขาต้องการที่จะจับความรู้สึกนั้นมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว 
              สัญชาตญาณของโหย่วเสี่ยวม้อบอกกับตนเองว่ามีบางสิ่งที่สำคัญมาก แต่เขาล้มเหลวก่อนที่จะคิดออก แล้วมันห็เลื่อนหายไปเสมอ จนเมื่อถึงเวลาสิ้นสุดบทเรียนของวันนี้ เมื่อเขากำลังจะเดินกลับไปที่ห้องของเขา ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องออกมา 'อ๊ะ'

              "หรือว่ามันจะเป็นสิ่งที่เขาเห็นในตอนเช้ากันนะ?"

__________________________________________
跌打草 Diē dǎ cǎo หญ้าตี่ต้า 

冬凌草 Dong Ling Cao ต่งหลิงเช่า
อ่านเพิ่มที่หน้าชื่อนะ

ขออภัยที่ล่าช้า เนื่องจากติดใจต้องชื่อสมุนไพร ต้องพยายามท่องว่า มันเป็นนิยาย แต่ก็ยังเลิกนิสัยขุดหาความหมายจริงๆของมันไม่ได้ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว เราคิดว่าคนเขียนน่าจะเอาของจริงมาใส่นะคะ

Comment

เรื่องเล่าโพสเมื่อ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Popular Posts

Contact Us

ถ้าข้อความใดไม่ถูกต้องแจ้งได้ที่
Mail : mbkrattanakorn@gmail.com