วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


เมื่อเขากลับมาถึงห้อง ดวงตะวันก็เคลื่อนย้ายคล้ายหลบอยู่หลังภูเขา

โหย่วเสี่ยวม้อเหลือบมองดูในห้องถัดไปที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องของชายหนุ่มที่มาหาเขาเมื่อเช้าหรือเจียงหลิว แต่ภายในห้องกลับเงียบสนิท ท่าทางเขาน่าจะเก็บของย้ายออกไปเรียบร้อยแล้ว

โชคดีแบบนี้ทำให้เขารู้สึกอิจฉาไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไรซะร่างเดิมของโหย่วเสี่ยวม้อถูกระบุพรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิดอย่างชัดเจนแล้วว่ามีเพียงจิตวิญญาณสีเขียว แต่นั้นมันเป็นเรื่องก่อนที่เขาจะมาครอบครองร่างนี้แทน หลังจากที่มีการแปลงเปลี่ยนวิญญาณภายในดังนั้นจิตวิญญาณน่าจะเปลี่ยนสี

แต่โหย่วเสี่ยวม้อก็ไม่สนใจที่จะเข้ารับการทดสอบจิตวิญญาณอีกครั้ง ถ้าผลลัพธ์ของการทดสอบทั้งสองครั้งแตกต่างกัน ไม่กลายเป็นว่าเขาหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองหรอ อย่างไรซะเขายังไม่อยากตายอีกครั้งหลังจากเพิ่งจะกลับมามีชีวิตได้แค่สองสามวัน 

เพราะฉะนั้นถึงเขาจะอยากรู้อยากเห็นมากแค่ไหนว่าระดับจิตวิญญาณที่แท้จริงของตนเอง เขาก็ยังไม่มีความคิดที่จะไปทดสอบอีกครั้งแน่นอน 

เมื่อเข้ามาภายในห้อง เขาวางคัมภีร์ทั้ง 4 เล่มลงบนโต๊ะ คัมภีร์เหล่านี้เขามองอย่างผิวเผินแล้วเลือกมาจากตึกตะวันออกแต่แท้จริงแล้วเนื้อหาภายในช่างลึกซึ่ง

บางทีถ้าเป็นคนอื่นอาจจะทำเข้าใจได้ง่าย แต่สำหรับคนนอกอย่างเขาที่ไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับตานซือเลยแม่แต่น้อย สำหรับเขาการมาพยายามทำความเข้าใจในระยะเวลาอันสั้น มันช่างยากเย็นยิ่งนัก 

อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เขาก็ยังพยายามอ่านคัมภีร์ทั้ง 4 เล่มให้จบภายในวันนี้ เพราะว่าพวกเขาจะต้องไปหอรวมพลตานซือในวันพรุ่งนี้ ที่ซึ่งพวกเขาจะต้องตัดสินใจ ถ้าพวกเขาสามารถหาอาจารย์ที่ดีให้ได้เพื่อการเรียนรู้ของเขา ในการที่จะเป็นตานซือนั้น นอกจากความพยายามของตนเองเป็นที่หนึ่งแล้ว ยังต้องมีอาจารย์ที่ดีเยี่ยมก็เป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน

โหย่วเสี่ยวม้อไม่รู้ว่าเขาถูกเลือกหรือไม่ แต่เขาคงไม่สามารถไปที่นั้นโดยที่ไม่รู้อะไรเลยนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ใครจะไปรู้ถ้าวิธีการคัดเลือกคือ การคัดเลือกตามผลการทดสอบ หรือถ้าเขาให้ตอบคำถามสัก 3 ข้อแล้วข้าแสดงความโง่เง่า ข้าสามารถมองเห็นภาพในอนาคตได้เลยว่าจะต้องไม่มีใครอยากรับเขาเป็นศิษย์อย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นโหย่วเสี่ยวม้อจึงพยายามเพิ่มความรู้ของเขาแม้เพียงเล็กน้อย แต่อ่านคัมภีร์ทั้ง 4 เล่มภายในคืนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย 

หลังจากหายใจเข้าลึกๆ โหย่วเสี่ยวม้อก็ก้มหน้าห้มตาอ่านคัมภีร์ต่อโดยอาศัยเพียงแสงตะเกียงในยามเที่ยงคืน

ผลจากการกระทำนั้น ส่งผลให้ในวันถัดมาโหย่วเสี่ยวม้อมีขอบตาดำคล้ายแพนด้า แต่ความกังวลของเขาก็จางหายไปมากพอควร 

เช้าวันถัดมาก่อนเวลาเรียกรวมพล มีบางคนมาจากหอรวมพลตานซือเพื่อคอยนำทาง คนที่พวกเขาส่งมานั้นส่วนมากเป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิปปี ท่าทางดูเป็นคนเฉยชา เขาให้เวลาพวกเราหนึ่งเค่อในการเตรียมตัว ไม่กล่าวสิ่งใดอีกตลอดเวลาที่รอ ราวกับว่าเขาไม่ได้มีความคิดที่จะสนใจจริงๆ 

โหย่วเสี่ยวม้อสังเกตุเห็นรอยยิ้มอย่างขมขืนจากคนอื่นๆ เพราะพวกเขาทั้งหมดถือว่าเป็น "ของเหลือ" 

ความจริงแล้วผู้ที่มีจิตวิญญาณขั้นสูง อย่างเช่น พวกจิตวิญญาณสีฟ้าหรือสีม่วงทั้งหมดต่างถูกเลือกไปก่อนหน้านี้นานแล้ว เหลือแต่พวกที่มีคุณสมบัติในระดับขั้นต่ำ ซึ่งโหย่วเสี่ยวม้อก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่เท่านั้นเขายังมีคุณสมบัติเลวร้ายที่สุดในบรรดาห้าคน ที่มีเพียงจิตวิญญาณสีเขียว 

แต่โหย่วเสี่ยวม้อไม่ได้รู้สึกด้อยกว่าแต่อย่างใด อย่าลืมสิว่า โทมัส อัลวา เอดิสัน เคยกล่าวว่า 'คำว่าอัจฉริยะในความคิดของผมประกอบด้วย พรสรรค์เพียง 1% ส่วนอีก 99% มาจากความพยายาม'

ผ่านไปหนึ่งเค่อ พวกเขาก็มาถึงหอรวมพลตานซือ 

ความยิ่งใหญ่ของหอรวมพลตานซือไม่ได้ด้อยกว่าหอคัมภีร์เลยแม้แต่น้อย มันไม่มั่นใจว่าพวกเขามาถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายหรือไม่ ด้านในเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามคนพวกนั้นแต่งกายเหมือนพวกเขา ที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวและปักเพียงปิ่นที่ดูธรรมดาบนศีรษะของพวกเขา เป็นไปได้ว่ากลุ่มคนเหล่านนี้อาจจะเข้าสำนักเทียนซินมาในช่วงเวลาเดียวกัน 

โหย่วเสี่ยวม้อคิดว่าคนที่เป็นศิษย์ลับมีอยู่ไม่มาก ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีจำนวนมากขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่สำนักเทียนซินจะสามารถเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดินหลงเซียงได้ ดูจากการให้ความสำคัญในการคัดเลือกคุณภาพของผู้ที่จะมาเป็นลูกศิษย์

เพราะเหล่าผู้อาวุโสยังคงมาไม่ถึง บรรดาเหล่าศิาย์ลับจึงเริ่มกังวนและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกัน มันมีแต่หัวข้อเดิมๆ ถามซ้ำกันไปมา
'จิตวิญญาณของเจ้าสีอะไร'
'ข้าสงสัยว่าใครจะเป็นคนเลือกข้า'
'มันคงจะดีกว่า ถ้าข้าเป็นที่สะดุดตาผู้อาวุโส' ทั้งมันนั้นไม่มีประโยชน์อันใดเลย 

โหย่วเสี่ยวม้อหาวออกมา หลังจากที่เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลย เขาพบว่ายากเกินจะฝืนถ่างตาไว้ 

ขณะที่เขากำลังหามุมในการแอบงีบหลับ มีเสียงคมเข้มก็ดังขึ้นจนทำให้เขาตกใจสะดุ้ง

"ทุกคนเงียบ!!"


เพิ่มเติ่ม :
一 刻 yī kè 15 นาที
อ่านเพิ่มเติ่มที่ ช่วงเวลาของจีน

Comment

เรื่องเล่าโพสเมื่อ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Popular Posts

Contact Us

ถ้าข้อความใดไม่ถูกต้องแจ้งได้ที่
Mail : mbkrattanakorn@gmail.com