หอคัมภีร์เป็นสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของฝ่ายยุทธและฝ่ายตานซือ ดังนั้นจึงมีขนาดใหญ่มาก
หอคัมภีร์ถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่งคือ ตึกตะวันออกและตึกตะวันตก สิ่งของที่อยู่ในตึกตะวันออกทั้งหมดล้วนเป็นคัมภีร์การปรุงโอสถทิพย์และยาสมุนไพร ซึ่งรวมถึงบันทึกที่หาค่ามิได้ของเหล่าคนรุ่นก่อนหน้า
ตึกตะวันตกจะแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของแผ่นดินหลงเซียง มันยังมีคัมภีร์เทคนิกการฝึกควบคุมพลังและศิลปะการต่อสู้
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปชมด้านในได้ อย่างบุคคลเช่นโหย่วเสี่ยวม้อที่เป็นแค่ศิษย์ลับจะสามารถเข้าไปได้แค่ชั้น 1 ของตึกทั้งสอง เพราะยังขาดคุณสมบัติในการที่จะชั้นไปชั้นบน เว้นแต่เขาจะได้รับสิทธิ์พิเศษหรือได้เข้าเป็นลูกศิษย์สายตรง แต่สำหรับโหย่วเสี่ยวม้อตัวเลือกทั้งสองยังห่างไกลมากสำหรับเขา นอกจากนั้นตอนนี้เขายังไม่มีความจำเป็นที่จะขึ้นชั้นต่อไป
โหย่วเสี่ยวม้อมีจุดมุ่งหมาย 2 อย่างในเดินทางมายังหอคัมภีร์
อย่างแรกคือ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหลงเซียง เขาต้องการทราบเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างของโลกนี้
อย่างที่สองคือ เรื่องเกี่ยวกับการทดสอบอีกครึ่งปี เขารู้สึกว่าเขาไม่มีความหวังเลยสำหรับทั้งฝ่ายคลังและฝ่ายยุทธ์ แต่เขายังคงหวังเล็กๆ สำหรับฝ่ายตานซือ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีข้อมูลของสิ่งที่เรียกว่าตานซือ ดังนั้นเขาจะต้องพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับมันก่อน
หลังจากเดินวกวนจนเกือบหลง แม้โหย่วเสี่ยวม้อจะพยายามถามทางไปหอคัมภีร์จากผู้คนรายทาง ก็ยังใช้เวลาในการหาเกือบชั่วโมง
จากระยะไกล เขาเห็นตำหนักที่เลิศหรูสง่างาม แผ่นป้ายทองคำติดด้านบนของตำหนัก จารึกอักษรสามตัว 藏书阁 (หอคัมภีร์) ดูเหมือนจะธรรมดาและปราศจากการตกแต่ง แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความหมาย ก่อให้เกิดกลิ่นอายที่สูงค่า
โหย่วเสี่ยวม้อกลืนน้ำลายอย่างประหม่า หอคัมภีร์ช่างดูสง่างามและโออ่ามากกว่าพระราชวังต้องห้าม
เมื่อเข้าไปด้านใน สิ่งแรกที่โหย่วเสี่ยวม้อสังเกตุเห็นคือ ผู้อาวุโสผมสีเงิน นั่งหลับตาอยู่ระหว่างตึกตะวันออกและตึกตะวันตก เพียงเขาเดินเขาใกล้ ชายชรากลับลืมตาในทันที ดวงตาที่ดูสดใสและแหลมคมดูขัดกับท่าทางที่แสดงออกตามอายุ ดวงตาคู่นี้เต็มไปด้วยริ้วรอยการผ่านประสบการณ์ มันคมราวกับใบมีด ที่พุ่งตรงมายังโหย่วเสี่ยวม้อ ร่างกายของเขากลัวเกินกว่าที่จะขยับไปไหน
ชายชรามองมายังมันครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น "ส่งป้ายประจำตัวของเจ้ามา"
โหย่วเสี่ยวม้อชะงักไปชั่วครู่ แต่ในไม่ช้าก็ตระหนักได้ว่ามีป้ายประจำตัวของเขาอยู่ เขารีบนำออกมาและยื่นออกมาด้วยความระมัดระวัง
หลังจากหยิบป้ายประจำตัว ชายชราดูเหมือนจะไม่ได้ทำสิ่งใด โหย่วเสี่ยวม้อเห็นเขาเพียงพลิกไปมาก่อนจะส่งกลับภายในสองวินาทีหลังจากนั้น จากนั้นก็กล่าวว่า "โหย่วเสี่ยวม้อ ศิษย์ลับ จำกัดการเข้าใช้งานได้เพียงชั้น 1 ของตึก"
จากนั้นก็มีบางสิ่งบินตรงมายังเขา โหย่วเสี่ยวม้อกระโดดหลบ แต่ไม่สามารถหลบได้ในเวลาต่อมา *ป๊าป* แหวนกระแทกลงบนศีรษะของเขา ก่อนที่มันจะตกลงมายังพื้น โดยที่หัวเขาโน เขามองไปยังชายชราใบหน้ากระตุกเล็กน้อยจากท่าทางที่เข้มขึมของชายชรา
"ถือไว้ เจ้าจะสามารถหยิบคัมภีร์ภายในหอได้" หลังจากพูด ชายแก่ก็ไม่สนใจเขาอีก
โหย่วเสี่ยวม้อรู้สึกอายก่อนจะก้มลงหยิบของบนพื้น เขาไม่กล้ามองไปยังชายชราและรีบวิ่งไปยังตึกตะวันตก และคาดได้ว่าจะไม่กลับออกมาในอนาคตอันใกล้นี้
หอคัมภีร์ถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่งคือ ตึกตะวันออกและตึกตะวันตก สิ่งของที่อยู่ในตึกตะวันออกทั้งหมดล้วนเป็นคัมภีร์การปรุงโอสถทิพย์และยาสมุนไพร ซึ่งรวมถึงบันทึกที่หาค่ามิได้ของเหล่าคนรุ่นก่อนหน้า
ตึกตะวันตกจะแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของแผ่นดินหลงเซียง มันยังมีคัมภีร์เทคนิกการฝึกควบคุมพลังและศิลปะการต่อสู้
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปชมด้านในได้ อย่างบุคคลเช่นโหย่วเสี่ยวม้อที่เป็นแค่ศิษย์ลับจะสามารถเข้าไปได้แค่ชั้น 1 ของตึกทั้งสอง เพราะยังขาดคุณสมบัติในการที่จะชั้นไปชั้นบน เว้นแต่เขาจะได้รับสิทธิ์พิเศษหรือได้เข้าเป็นลูกศิษย์สายตรง แต่สำหรับโหย่วเสี่ยวม้อตัวเลือกทั้งสองยังห่างไกลมากสำหรับเขา นอกจากนั้นตอนนี้เขายังไม่มีความจำเป็นที่จะขึ้นชั้นต่อไป
โหย่วเสี่ยวม้อมีจุดมุ่งหมาย 2 อย่างในเดินทางมายังหอคัมภีร์
อย่างแรกคือ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหลงเซียง เขาต้องการทราบเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างของโลกนี้
อย่างที่สองคือ เรื่องเกี่ยวกับการทดสอบอีกครึ่งปี เขารู้สึกว่าเขาไม่มีความหวังเลยสำหรับทั้งฝ่ายคลังและฝ่ายยุทธ์ แต่เขายังคงหวังเล็กๆ สำหรับฝ่ายตานซือ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีข้อมูลของสิ่งที่เรียกว่าตานซือ ดังนั้นเขาจะต้องพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับมันก่อน
หลังจากเดินวกวนจนเกือบหลง แม้โหย่วเสี่ยวม้อจะพยายามถามทางไปหอคัมภีร์จากผู้คนรายทาง ก็ยังใช้เวลาในการหาเกือบชั่วโมง
จากระยะไกล เขาเห็นตำหนักที่เลิศหรูสง่างาม แผ่นป้ายทองคำติดด้านบนของตำหนัก จารึกอักษรสามตัว 藏书阁 (หอคัมภีร์) ดูเหมือนจะธรรมดาและปราศจากการตกแต่ง แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความหมาย ก่อให้เกิดกลิ่นอายที่สูงค่า
โหย่วเสี่ยวม้อกลืนน้ำลายอย่างประหม่า หอคัมภีร์ช่างดูสง่างามและโออ่ามากกว่าพระราชวังต้องห้าม
เมื่อเข้าไปด้านใน สิ่งแรกที่โหย่วเสี่ยวม้อสังเกตุเห็นคือ ผู้อาวุโสผมสีเงิน นั่งหลับตาอยู่ระหว่างตึกตะวันออกและตึกตะวันตก เพียงเขาเดินเขาใกล้ ชายชรากลับลืมตาในทันที ดวงตาที่ดูสดใสและแหลมคมดูขัดกับท่าทางที่แสดงออกตามอายุ ดวงตาคู่นี้เต็มไปด้วยริ้วรอยการผ่านประสบการณ์ มันคมราวกับใบมีด ที่พุ่งตรงมายังโหย่วเสี่ยวม้อ ร่างกายของเขากลัวเกินกว่าที่จะขยับไปไหน
ชายชรามองมายังมันครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น "ส่งป้ายประจำตัวของเจ้ามา"
โหย่วเสี่ยวม้อชะงักไปชั่วครู่ แต่ในไม่ช้าก็ตระหนักได้ว่ามีป้ายประจำตัวของเขาอยู่ เขารีบนำออกมาและยื่นออกมาด้วยความระมัดระวัง
หลังจากหยิบป้ายประจำตัว ชายชราดูเหมือนจะไม่ได้ทำสิ่งใด โหย่วเสี่ยวม้อเห็นเขาเพียงพลิกไปมาก่อนจะส่งกลับภายในสองวินาทีหลังจากนั้น จากนั้นก็กล่าวว่า "โหย่วเสี่ยวม้อ ศิษย์ลับ จำกัดการเข้าใช้งานได้เพียงชั้น 1 ของตึก"
จากนั้นก็มีบางสิ่งบินตรงมายังเขา โหย่วเสี่ยวม้อกระโดดหลบ แต่ไม่สามารถหลบได้ในเวลาต่อมา *ป๊าป* แหวนกระแทกลงบนศีรษะของเขา ก่อนที่มันจะตกลงมายังพื้น โดยที่หัวเขาโน เขามองไปยังชายชราใบหน้ากระตุกเล็กน้อยจากท่าทางที่เข้มขึมของชายชรา
"ถือไว้ เจ้าจะสามารถหยิบคัมภีร์ภายในหอได้" หลังจากพูด ชายแก่ก็ไม่สนใจเขาอีก
โหย่วเสี่ยวม้อรู้สึกอายก่อนจะก้มลงหยิบของบนพื้น เขาไม่กล้ามองไปยังชายชราและรีบวิ่งไปยังตึกตะวันตก และคาดได้ว่าจะไม่กลับออกมาในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา new-dragon-tiger-gate
แปลช้า แปลผิด ขออภัยมา ณ ที่นี้คะ